"โรงเลื่อยร้าง" เพื่อนของเพชร ผู้เขียนไม่เคยเรียนแต่เคยอ่าน


                  ย้อนกลับไปสมัยผู้เขียนอยู่ประมาณ ป.3 สมัยนั้นก็ยังไม่มีความเจริญอย่างสมัยนี้ พูดถึงความเจริญสมัยนี้แล้วแล้วผู้เขียนกลับเฉยๆเพราะเจริญเพียงวัตถุ แต่พอนึกถึงอดีตตอนเด็กๆ สิ่งที่ยังไม่เจริญที่หลายๆคนมองนั้นกลับมีค่าควรจดจำมากกว่าความเจริญในสมัยนี้ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือสมัยก่อนผู้คนเจริญทางจิตใจมากกว่าปัจจุบัน ไม่ต้องมาแก่งแย่งชิงดี แข่งขันกัน สมัยก่อนมีอะไรก็แบ่งปันแลกเปลี่ยนกัน ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่กันเสมอ 

                  พอเล่าเรื่องอดีตแล้ว ก็อยากจะเขียนให้เยอะๆเลย แต่บางเรื่องขอเอาไว้เล่าวันหลังนะครับ จากหัวข้อบทความนี้ "โรงเลื่อยร้าง" เพื่อนของเพชร ผู้เขียนไม่เคยเรียนแต่เคยอ่าน ใช่ครับ ผู้เขียนไม่เคยเรียนจากหนังสือเล่มนี้ แต่ได้มีโอกาสอ่านจากรุ่นที่ที่ส่งต่อหนังสือเก่ามาให้ผมเอง ตอนนั้นแม่ผมก็ไปเล่นบ้านเพื่อนบ้านปกติ เพื่อนบ้านแกก็มีลูก 3 คน เป็นรุ่นพี่ผม 10 กว่าปี 5 ปี 3 ปี ตามลำดับ ขอเล่าถึงข้อดีของบ้านนี้นะครับ

                  ครอบครัวนี้ขยันขันแข็งมากๆ พ่อแม่ชอบทำมาหากิน หาของป่า หาปูหาปลาตามห้วยหนองคลองบึง ลูกๆแกกลับจาก ร.ร. ก็จะมาช่วยงานพ่อแม่ พี่เขาในปัจจุบันได้ดีกันทุกคนครับ สมัยนั้นจนมากครับ ครอบครัวผมก็จนครอบครัวแถวนั้นก็ไปมาหาสู่กัน มีอะไรก็แบ่งปันกัน 

                  วันหนึ่งแม่ผมก็ไปเล่นกับเพื่อนบ้านตามประสาคนคุ้นเคยกัน วันนั้นป้าแกยกหนังสือของลูกๆแกให้แม่ผม เอามาให้ผมอ่าน รู้ไหมครับที่ผมได้มา 2 กระสอบ แถมหนังสือนั้นก็ถูกเก็บเป็นอย่างดี ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ค้นหนังสือที่ได้ อ่าน อ่าน อ่าน อ่าน และก็อ่าน....



                  สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ ทีวีก็ขาวดำ ผมก็เลยอยู่แต่กับหนังสือพวกนั้น ปิดเทอมวันๆไม่สนใจอะไร อ่านอย่างเดียว และหนังสือที่ผมชอบที่สุดก็เป็นหนังสือเรียนภาษาไทยเล่มขนาดเล็กๆ เก่าๆเล่มหนึ่ง กระดาษออกสีน้ำตาลหน่อยๆ ผมจำชื่อหนังสือไม่ได้ จำได้ว่าเป็นหนังสือวิชาภาษาไทยเก่าๆเล่มหนึ่งที่อาจจะเก่าไป 10 - 20 ปีเลยก็ได้ และเรื่องที่ผมจำแม่นมากที่สุดคือเรื่อง "เพื่อนของเพชร" อ่านครั้งนั้นสนุกมากๆ ออกแนวปริศนา ค้นหาคำตอบ ผมจำได้หลังจากอ่านจบ ผมก็ไปเขียน ก-ฮ และเขียนตัวเลขกำกับ แล้วลองสร้างปริศนาเล่นๆ และเอาไปให้เพื่อนหาคำตอบ
                  
                  จากเรื่องนี้ เด็กชาย เพชรนั้นหายตัวไป และได้มีชายสองคนขับมอเตอร์ไซต์นำธนบัตร ฉบับละ 100 รวม 3 ใบ เป็นเงิน 300 บาทมาให้แม่เพชร และรีบขับรถหนีไป และนี่คือจุดเริ่มต้นของการแก้ปริศนาที่เพชรทิ้งไว้ให้  ตัวละครหลักของเรื่องนี้คือ "วีวะ" ที่ต้องแก้ปริศนาตัวเลขในธนบัตร ที่เพชรเป็นคนเขียนไว้
๓๕ - 17 - ๗
๓๖ - 22 - ๓๔  _
๓๕ - 2 ๗  _้
                  
                  ตอนที่ผู้เขียนอ่านก็ยัง งง ว่าตัวเลขนี้คืออะไร พออ่านไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจและลุ้นว่าจะเป็นยังไง ได้แก้ปริศนาไปกับวีวะ และได้แง่คิดหลายๆอย่างจากเรื่องนี้ สำหรับผู้อ่านถ้าอยากอ่านผมจะอัพโหลดภาพลงให้อ่านไว้นะครับ ที่ผมเขียนมาทั้งหมดถืือว่ามาเล่าสู่กันฟังแล้วกันนะครับ เป็นเรื่องความทรงจำดีๆในสมัยเด็กๆของผมเอง จะขอจบเรื่องเล่าไปพร้อมกับ เพื่อนของเพชร แล้วกันนะครับ

อ่อที่มาของภาพจากเพจ ครูวันดีดอทคอม นะครับ

เพื่อนของเพชร













ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.